นโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน
(Investment Governance Code Policy: I-Code Policy)
บริษัท หลักทรัพย์ จัดการกองทุน ทหารไทย
(1) ปรัชญาพื้นฐาน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด
เอกสารฉบับนี้กำหนดแนวทางโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (“บริษัท.”) ในการสนับสนุนหลักธรรมาภิบาลการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน (Investment Governance Code: I-Code) บริษัทจะมุ่งจัดการการลงทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
โดยเน้นให้การดูแลผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ บริษัท จะปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทโดยการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการที่ลงทุนตามแนวทางที่อธิบายไว้ในนโยบายธรรมมาภิบาลการลงทุน เพื่อเป็นหลักปฏิบัติสำหรับการดูแลการลงทุนในฐานะผู้ลงทุนสถาบันตามแนวทางสากลโดยยึดถือหลักปฏิบัติ
7 ประการ ทั้งนี้ บริษัทต้องคำนึงถึงเรื่องความสมเหตุสมผล และประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่ตามนโนบายดังกล่าว เช่น การพิจารณาในเรื่องการนำนโยบาย I-Code มาบังคับใช้กับการบริหารการลงทุนแบบ Passive หรือ การบริหารกองทุนส่วนบุคคล
(Private Fund) เป็นต้น
(2) หลักปฏิบัติ 7 ประการเพื่อให้บรรลุหลักธรรมาภิบาลการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน
หลักปฏิบัติที่ 1 การกำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (นโยบาย I Code) ที่ชัดเจน
คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย I-Code ให้มีความชัดเจนและเป็นลายลักษณ์อักษรที่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของบริษัท เช่น ขนาด โครงสร้าง และบทบาทในกระบวนการลงทุน (Investment Process) และทบทวนอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ (Material Event) เพื่อให้นโยบายถูกผลักดันสู่การปฏิบัติและบรรลุตามวัตถุประสงค์
คณะกรรมการบริษัทสนับสนุนหลักธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Code : I-Code) เพื่อเป็นหลักปฏิบัติสำหรับการดูแลการลงทุนในฐานะผู้ลงทุนสถาบันตามแนวทางสากลดังนี้
- บริษัทตระหนักถึงความรับผิดชอบหลักในการรักษาและสร้างมูลค่าเงินลงทุนตามระยะเวลา (Time Horizon) ที่สอดคล้องกับประโยชน์ของลูกค้าในระยะยาว (Long-Term Perspective) เป็นสำคัญ
- บริษัทมีโครงสร้างการกำกับดูแลที่เป็นอิสระและมาตรการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างพอเพียง
- กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามแนวปฏิบัติด้านจรรยาบรรณในการทำหน้าที่ดูแลการลงทุนและการรักษาประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า
- บริษัทจะทำการสื่อสารและการถ่ายทอดหลักปฏิบัติฯ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการลงทุนทั้งภายในและภายนอกให้ได้รับทราบ
หลักปฏิบัติที่ 2 การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ บริษัทได้มีการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
พนักงานทุกคนหน้าที่ต้องรักษามาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงในการปฏิบัติตนทั้งทางส่วนตัวและเป็นมืออาชีพ บริษัทได้กำหนดนโยบายการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์และระเบียบปฏิบัติรวมถึงวิธีการจัดการหากเกิดกรณีที่ผลประโยชน์ของลูกค้ากับบริษัทหรือลูกค้าอื่นไม่เป็นไปในทางเดียวกัน
หลักปฏิบัติที่ 3 การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
บริษัทมีกระบวนการตัดสินใจลงทุนที่ชัดเจนโดยครอบคลุมถึงปัจจัยที่สำคัญ อาทิเช่น โมเดลทางธุรกิจ กลยุทธ์ ผลประกอบการของกิจการที่ลงทุน รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าและความเสี่ยงของกิจการที่ลงทุน เป็นต้น
บริษัทมีกระบวนการในการติดตามการดำเนินงานของกิจการที่ลงทุนอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถทราบผลการดำเนินงานของกิจการที่ลงทุนและรู้ปัญหาของกิจการที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นและทันเหตุการณ์ บางกรณีอาจรวมถึงการเข้าพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้บริหารและ/หรือกรรมการเพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางและการดำเนินนโยบายของบริษัท
ในกรณีที่พบว่า กิจการที่ลงทุนไม่ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือมีประเด็นที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อ สิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือมีสัญญาณของปัญหาที่อาจส่งผลต่อมูลค่าการลงทุน
บริษัท จะพิจารณาอย่างรอบคอบต่อคำอธิบายที่ได้รับหรือต่อการไม่มีคำอธิบายของกิจการที่ลงทุน โดยหากบริษัทมีความเห็นที่แตกต่างกับคำอธิบายหรือการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหารวมทั้งเหตุผลที่กิจการอธิบาย บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมของเรื่อง
เช่น แจ้งให้คณะกรรมการของกิจการที่ลงทุนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือขอเข้าพบคณะกรรมการหรือฝ่ายจัดการของกิจการนั้นๆเพื่อสอบถาม เป็นต้น
หลักปฏิบัติที่ 4 การเพิ่มระดับในการติดตามกิจการที่ลงทุน เมื่อเห็นว่าการติดตามในหลักปฏิบัติที่
3 ไม่เพียงพอ
หลังจากที่ บริษัทได้ติดตามและดำเนินการตามหลักปฏิบัติที่ 3 แล้วเห็นว่าไม่เพียงพอ บริษัทมีแนวปฏิบัติที่ระบุถึงเหตุการณ์และแนวทางที่จำเป็นในการเข้าไปดำเนินการกับกิจการที่ลงทุนเพิ่มเติม เพื่อให้บริษัทสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและฟื้นมูลค่าการลงทุนในกิจการที่ลงทุนนั้นได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น
ในการดำเนินการเพิ่มเติม บริษัทจะพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการที่ใช้ตามความจำเป็น เช่น มีหนังสือถึงคณะกรรมการของกิจการที่ลงทุนเพื่อแจ้งประเด็น ข้อสังเกต หรือ เข้าพบประธานกรรมการหรือกรรมการอื่นของกิจการที่ลงทุน
นอกจากนี้บริษัทอาจพิจารณาการนำเสนอประเด็นที่กังวลร่วมกับผู้ลงทุนสถาบันอื่น เป็นต้น
การประเมินผลเรื่องการดำเนินการเพิ่มเติม การเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการในแต่ละกรณีนั้น จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบ ต่อ บริษัทในฐานะของนักลงทุน ในแง่มุมต่างๆ โดยเฉพาะ สิทธิทางกฏหมาย การเจรจาในประเด็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากการดำเนินการเพิ่มเติมกับกิจการที่ลงทุนนั้น อาจทำให้บริษัทรับทราบข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อราคาและไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ บริษัทจะมีมาตรการรักษาความลับของข้อมูลดังกล่าวเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจผิดกฎหมายและเป็นการเอาเปรียบผู้ลงทุนรายอื่น
หลักปฏิบัติที่ 5 การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
บริษัทจะใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการต่างๆ ที่กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทลงทุน ยกเว้นกองทุนที่ลูกค้าแจ้งความประสงค์จะใช้สิทธิออกเสียงเอง โดยบริษัทกำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์การใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นลายลักษณ์อักษร
ภายใต้การอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการอื่นใดที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย
นโยบายและหลักเกณฑ์การใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เป็นนโยบายและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแนวทางการแสดงมติอย่างชัดเจน และออกแบบมาเพื่อมีส่วนร่วมในการเติบโตอย่างยั่งยืนของกิจการที่ลงทุนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาวในกรณีที่บริษัทตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงที่ต่างไปจากนโยบายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด
บริษัทจะบันทึกเหตุผลเพื่อการตรวจสอบภายหลังนโยบายและหลักเกณฑ์การใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานผลการใช้สิทธิออกเสียงจะถูกเปิดเผยบนต่อสาธารณชนบนเว็บไซต์ของบริษัทหรือรายงานตรงต่อลูกค้า แล้วแต่กรณี
หลักปฏิบัติที่ 6 ความร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
ในการดำเนินการกับกิจการที่ลงทุนที่มีข้อกังวลและยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลังจากเพิ่มระดับในการติดตามได้ บริษัทอาจมีการร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่น (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) หรือผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ (Collective
Engagement) หากเห็นสมควรเพื่อให้กิจการที่ลงทุนเห็นความสำคัญของประเด็นข้อกังวลของบริษัทและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ในการพิจารณาถึงระดับการมีส่วนร่วม ของ บริษัทกับนักลงทุนรายอื่นๆ นั้น บริษัทอาจจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น ความสำคัญของประเด็นต่อมุมมองและความคิดเห็นภายใต้กรอบระเบียบปฏิบัติภายในของบริษัทเอง ประเด็นเรื่องขนาดและมูลค่าการลงทุนของกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัท
ความจำเป็นในการรักษาความลับ ตลอดจนความคิดเห็นของบริษัทและตลอดจนความเข้ากันได้ของมุมมองของนักลงทุนสถาบันรายอื่นๆ
หลักปฏิบัติที่ 7 การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน และการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
นโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Code Policy: I-Code Policy) ของบริษัทจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัท รวมถึงการรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบาย
รายงานการปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนประจำปี 2561
ตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด “บริษัท” ได้ประกาศรับตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 และบริษัทได้กำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Policy:
I Code) เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการบริหารจัดการการลงทุนของบริษัทในการลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดี่ที่สุดของลูกค้าตามหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้
- การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
- การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
- การเพิ่มระดับในการติดตามกิจการที่ลงทุน
- การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
- การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
- การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนและการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
1. การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
บริษัทกำหนดมาตรการในการจัดการการกระทำอันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยครอบคลุมการทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัท การรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ให้บริการหรือบุคคลอื่นใด
การซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงาน รวมทั้งได้มีการสื่อสารมาตรการและแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ นอกจากนี้บริษัทได้จัดการให้มีการติดตามและควบคุมการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว
2. การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
บริษัทมีกระบวนการในการตัดสินใจลงทุนและติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุน เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินงานและปัญหาของบริษัทที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นและทันเหตุการณ์ เช่น กำหนดแนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนและการทบทวนหลักทรัพย์โดยมีการนำหลักปฏิบัติ
ESR (Environmental and Social Responsibility) มาใช้ในการวิเคราะห์การลงทุน การเข้าพบกรรมการและผู้บริหาร (Company Visit, Analyst Meeting) การร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ (Conference Call) การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีหรือการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
เป็นต้น
3. การเพิ่มระดับในการติดตามบริษัทที่ลงทุน
กรณีที่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมบริษัทกำหนดให้มีการเพิ่มระดับความเข้มข้นของติดตามบริษัทที่ลงทุน
4. การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
บริษัทได้กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการใช้สิทธิออกเสียงแทนกองทุน นอกจากนี้บริษัทได้จัดให้มีการควบคุมดูแลการไปใช้สิทธิออกเสียงในบริษัทที่กองทุนลงทุนโดยเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทได้ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาข้อมูลเพื่อตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงตามแนวปฏิบัติของ
บริษัท ทั้งนี้บริษัทได้เปิดเผยรายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียงแทนบนเว็บไซต์ของบริษัท
5. การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
บริษัทได้กำหนดเป็นหลักปฏิบัติในการให้ความร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่นเพื่อนำไปสู่การสร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลงในบริษัทที่ลงทุนโดยในปี 2561 ไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติดังกล่าว
6. การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนและการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทได้เปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (I Code) และรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าได้ติดต่อกับองค์กรที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการลงทุนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า
รายงานการปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนประจำปี 2562
ตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด “บริษัท” ได้ประกาศรับตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 และบริษัทได้กำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Policy:
I Code) เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการบริหารจัดการการลงทุนของบริษัทในการลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดี่ที่สุดของลูกค้า ในปี
2562 ที่ผ่านมา บริษัทได้ปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
บริษัทกำหนดมาตรการในการจัดการการกระทำอันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยครอบคลุมการทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัท การรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ให้บริการหรือบุคคลอื่นใด
การซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงาน รวมทั้งได้มีการสื่อสารมาตรการและแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
2. การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
บริษัทมีกระบวนการในการตัดสินใจลงทุนและติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุน เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินงานและปัญหาของบริษัทที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นและทันเหตุการณ์ เช่น กำหนดแนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนและการทบทวนหลักทรัพย์โดยมีการนำหลักปฏิบัติ
ESR (Environmental and Social Responsibility) มาใช้ในการวิเคราะห์การลงทุน การเข้าพบกรรมการและผู้บริหาร (Company Visit, Analyst Meeting) การร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ (Conference Call) การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีหรือการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
เป็นต้น
3. การเพิ่มระดับในการติดตามบริษัทที่ลงทุน
กรณีที่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมบริษัทกำหนดให้มีการเพิ่มระดับความเข้มข้นของติดตามบริษัทที่ลงทุน
4. การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
บริษัทได้กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการใช้สิทธิออกเสียงแทนกองทุน นอกจากนี้บริษัทได้จัดให้มีการควบคุมดูแลการไปใช้สิทธิออกเสียงในบริษัทที่กองทุนลงทุนโดยเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทได้ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาข้อมูลเพื่อตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงตามแนวปฏิบัติของ
บริษัท ทั้งนี้บริษัทได้เปิดเผยรายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียงแทนบนเว็บไซต์ของบริษัท
5. การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
บริษัทได้กำหนดเป็นหลักปฏิบัติในการให้ความร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่นเพื่อนำไปสู่การสร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลงในบริษัทที่ลงทุนโดย
6. การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนและการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทได้เปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (I Code) และรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าได้ติดต่อกับองค์กรที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการลงทุนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่น ในกิจกรรมที่มีส่วนสนับสนุนนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนของบริษัท ได้แก่
1. บริษัทได้ เข้าร่วมพิธีเปิด “โครงการเสริมสร้างตลาดทุนธรรมาภิบาลเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” และร่วมลงนามปฏิญญาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน
พร้อมเชิญชวนทุกภาคส่วนในตลาดทุนประกาศเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ด้วยความรับผิดชอบ คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ม องค์กรในตลาดทุนอีก
12แห่ง และ ตัวแทนจากบริษัทและองค์กรในตลาดทุนเข้าร่วมกว่า 600 คน ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562
2. บริษัท กับนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ 32 ราย ได้ร่วมลงนาม กับ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญ (กบข.) ที่จะระงับการลงทุน หรือ ไม่ลงทุนเพิ่ม ในบริษัทจดทะเบียนที่ขาดธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม (ESG) และสิ่งแวดล้อม
และได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ระงับลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหาความรับผิดชอบต่อสังคม (ESG) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 โดยนักลงทุนที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ บริหารสินทรัพย์รวมกัน มากกว่า 10.8 ล้านล้านบาท
นับได้ว่าเป็นนักลงทุนกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างธรรมาภิบาลให้ตลาดทุนอย่างเป็นรูปธรรม และคาดหวังว่า มาตรการนี้จะช่วยยกระดับบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กให้มีธรรมาภิบาลมาตรฐานเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่
รายงานการปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนประจำปี 2563
ตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด “บริษัท” ได้ประกาศรับตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน เมื่อวันที่ 12มิถุนายน2560และบริษัทได้กำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Policy:
I Code) เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการบริหารจัดการการลงทุนของบริษัทในการลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดี่ที่สุดของลูกค้า
ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้ปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
บริษัทกำหนดมาตรการในการจัดการการกระทำอันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยครอบคลุมการทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัท การรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ให้บริการหรือบุคคลอื่นใด
การซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงาน รวมทั้งได้มีการสื่อสารมาตรการและแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
2. การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
บริษัทมีกระบวนการในการตัดสินใจลงทุนและติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุนเพื่อให้ทราบถึงการดำเนินงานและปัญหาของบริษัทที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นและทันเหตุการณ์เช่นกำหนดแนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนและการทบทวนหลักทรัพย์โดยมีการนำหลักปฏิบัติ
ESR (Environmental and Social Responsibility) มาใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนการเข้าพบกรรมการและผู้บริหาร (Company Visit, Analyst Meeting) การร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ (Conference Call) การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีหรือการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเป็นต้น
3. การเพิ่มระดับในการติดตามบริษัทที่ลงทุน
กรณีที่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมบริษัทกำหนดให้มีการเพิ่มระดับความเข้มข้นของติดตามบริษัทที่ลงทุน
4. การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
บริษัทได้กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการใช้สิทธิออกเสียงแทนกองทุนนอกจากนี้บริษัทได้จัดให้มีการควบคุมดูแลการไปใช้สิทธิออกเสียงในบริษัทที่กองทุนลงทุนโดยเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทได้ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาข้อมูลเพื่อตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงตามแนวปฏิบัติของ
บริษัท ทั้งนี้บริษัทได้เปิดเผยรายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียงแทนบนเว็บไซต์ของบริษัท
5. การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
บริษัทได้กำหนดเป็นหลักปฏิบัติในการให้ความร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่นเพื่อนำไปสู่การสร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลงในบริษัทที่ลงทุน
6. การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนและการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทได้เปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (I Code) และรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าได้ติดต่อกับองค์กรที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการลงทุนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า
รายงานการปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนประจำปี 2564
ตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด “บริษัท” ได้ประกาศรับตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 และบริษัทได้กำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (Investment Governance Policy:
I Code) เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการบริหารจัดการการลงทุนของบริษัทในการลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดี่ที่สุดของลูกค้า ในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้ปฏิบัติตามนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
บริษัทกำหนดมาตรการในการจัดการการกระทำอันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยครอบคลุมการทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัท การรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ให้บริการหรือบุคคลอื่นใด การซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงาน รวมทั้งได้มีการสื่อสารมาตรการและแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
2. การตัดสินใจและติดตามกิจการที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์
บริษัทมีกระบวนการในการตัดสินใจลงทุนและติดตามการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุน เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินงานและปัญหาของบริษัทที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นและทันเหตุการณ์ เช่น กำหนดแนวทางการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนและการทบทวนหลักทรัพย์โดยมีการนำหลักปฏิบัติ ESR (Environmental and Social Responsibility) มาใช้ในการวิเคราะห์การลงทุน การเข้าพบกรรมการและผู้บริหาร (Company Visit, Analyst Meeting) การร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ (Conference Call) การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีหรือการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เป็นต้น
3. การเพิ่มระดับในการติดตามบริษัทที่ลงทุน
กรณีที่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมบริษัทกำหนดให้มีการเพิ่มระดับความเข้มข้นของติดตามบริษัทที่ลงทุน
4. การเปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง
บริษัทได้กำหนดแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติในการใช้สิทธิออกเสียงแทนกองทุน นอกจากนี้บริษัทได้จัดให้มีการควบคุมดูแลการไปใช้สิทธิออกเสียงในบริษัทที่กองทุนลงทุนโดยเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นซึ่งบริษัทได้ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาข้อมูลเพื่อตัดสินใจใช้สิทธิออกเสียงตามแนวปฏิบัติของ บริษัท ทั้งนี้บริษัทได้เปิดเผยรายงานสรุปการใช้สิทธิออกเสียงแทนบนเว็บไซต์ของบริษัท
5. การร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นและผู้มีส่วนได้เสียตามความเหมาะสม
บริษัทได้กำหนดเป็นหลักปฏิบัติในการให้ความร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันรายอื่นเพื่อนำไปสู่การสร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลงในบริษัทที่ลงทุน
6. การเปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนและการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทได้เปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน (I Code) และรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าได้ติดต่อกับองค์กรที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการลงทุนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า